Headlines

  • แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การดูแลสีรถยนต์ แสดงบทความทั้งหมด
    แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การดูแลสีรถยนต์ แสดงบทความทั้งหมด

    วิธีการกำจัดคราบขี้นก ออกจากสีรถ

    วิธีการกำจัดคราบขี้นก ออกจากสีรถ
    วิธีการกำจัดคราบขี้นก ออกจากสีรถ


    วิธีการกำจัดคราบขี้นก ออกจากสีรถ

    ขี้นก นับปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนหรือสร้างความกังวลใจให้กับผู้ใช้รถไม่น้อย หลายคนที่ยังไม่เคยประสบพบเจอกับตัวเองอาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ทว่าผลกระทบของมันสามารถก่อให้เกิดความเสียหายจนคุณต้องกุมขมับเชียวละครับ เนื่องจากมันมีฤทธิ์เป็นกรดถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ ไม่ขจัดออกเนิ่นๆ รับรองมันจะกัดผิวหรือสีรถให้เป็นจุดๆ ด่างๆ แน่นอน วันนี้ทีมงานรู้ใจก็มีวิธีการกำจัดและการป้องกันมาเป็นแนวทางให้ผู้เป็นเจ้าของรถ

    อย่างไรก็ตามคราบขี้นกที่เกาะบนผิวสีรถก็มีอยู่หลายระดับครับ ซึ่งหากเพิ่งเกิดแบบหมาดๆ ให้รีบนำน้ำสะอาดมาล้าง และใช้ผ้านุ่มๆ หรือทิชชู่มาซับออกจากผิวสีรถให้เร็วที่สุด และไม่ควรนำผ้าหรือใช้มือไปขูดหรือขัดออกแรงๆ เพราะในขี้นกจะมีเศษสิ่งปฏิกูลมากมายที่อาจทำให้ให้รถคุณเกิดรอยขีดข่วนได้ แต่ปล่อยมาวันสองวันแต่ดูแล้วว่าคราบยังไม่ฝังแน่นเกินไป 


    ให้ลองใช้แว็กซ์สำหรับเคลือบสีรถที่มีส่วนผสมของผงขัดอ่อนๆ และใช้ฟองน้ำละเอียดสำหรับเคลือบสีรถ ค่อยๆถูวนน้ำยาเบาๆ เป็นรูปก้นหอย จนกว่าคราบขี้นกจะจางหายไป

    ถ้าลองวิธีข้างต้นแล้วยังมีคราบขี้นกติดอยู่อีก ลองเปลี่ยนมาใช้ดินน้ำมันสำหรับรถโดยเฉพาะ ถูบริเวณที่มีคราบขี้นก และใช้น้ำยาขัดสีรถแบบขัดละเอียด ค่อยๆ ถูเป็นรูปก้นหอยจนกว่าคราบขี้นกหายไป ในขั้นตอนนี้แนะนำให้ฉีดสเปย์น้ำลงบนฟองน้ำที่จะใช้ขัดก่อน เพื่อป้องกันการเสียดสีจนเกิดริ้วรอยในระหว่างขัด และหากคราบขี้นกยังเกาะแน่นบนผิวสีรถเพราะสาเหตุจากการปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน 


    ให้ลองใช้น้ำยาลบคราบยางมะตอยหรือน้ำยาลบพวกคราบแมลง ฉีดและเช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ที่สำคัญค่อยๆ เช็ด ห้ามออกแรงถูเดี๋ยวรถของคุณจะเป็นรอยขนแมวเสียก่อน

    นอกจากวิธีการขจัดคราบขี้นกที่เกาะบนตัวรถแล้วก็มาถึงวิธีการป้องกันบ้าง ซึ่งก็เป็นแนวทางเบื้องต้นที่พอทำได้ง่ายๆ นั่นก็คือดาร ‘เคลือบแก้ว’ สามารถชะลอการเกิดความเสียหายได้ แต่ก็ไม่ใช่เคลือบแล้วเมื่อเจอขี้นกจะปล่อยเอาไว้ได้เลย ยังไงก็ควรให้รีบใช้น้ำสะอาดราดหรือฉีดล้างออก แต่มันดีกว่าก็ตรงที่จะทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะคราบขี้นกไม่ได้เกาะผิวแน่นเนื่องจากมีชั้นฟิล์มใสเหนือผิวของรถจากการเซ็ตตัวของน้ำยาเคลือบแก้ว 


    ซึ่งมีคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งและความลื่น รวมถึงมีประสิทธิภาพในการต่อต้านการยึดเกาะผิวที่ผสมเข้าไป ส่วนเรื่องการทิ้งรอยด่างเป็นคราบบนผิวรถก็จะเกิดได้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็อย่าชะล่าใจไปนะครับอย่างที่เกริ่นไปการเคลือบแก้วไม่ได้ป้องกันรอยจุดรอยด่างหรือริ้วรอยขี้นกได้แบบ 100% ทางที่ดีที่สุดคือเมื่อพบเห็นแล้วก็ควรรีบทำความสะอาด

    ที่มา roojai.com

    รักษาสีรถยนต์ให้ดูดีอยู่เสมอ

     
    รักษาสีรถยนต์ให้ดูดีอยู่เสมอ
    รักษาสีรถยนต์ให้ดูดีอยู่เสมอ

    รักษาสีรถยนต์ให้ดูดีอยู่เสมอ

    หลายๆคนอาจจะคิดว่าการดูแลให้สีรถดูเหมือนใหม่อยู่เสมอเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่จริงๆแล้ววิธีดูแลสีรถยนต์ นั้นไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่ทุกคนคิดกัน ทุกวิธีล้วนแต่เป็นวิธีที่ง่ายและเราทุกคนก็สามารถที่จะทำเองได้ที่บ้านด้วย

    การล้างรถ

    การล้างรถเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลรักษา เพราะการล้างนั้นจะทำการชะล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บริเวณตัวรถออกไป แต่ก็มีหลายๆคนที่ ล้างรถกันไม่ถูกวิธี  วันนี้เราเลยจะมาบอก วิธีล้างรถอย่างถูกต้อง  มาให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ  ซึ่งการการล้างรถให้ถูกวิธีทำได้ง่ายๆ

    ขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธี

    1.ตอนฉีดน้ำครั้งแรกต้องเปิดน้ำให้แรงที่สุด เพื่อที่จะให้แรงดันของน้ำขจัดพวกคราบขี้ฝุ่น ขี้ดินหลุดออกไปจากตัวรถ

    2.ล้างรถด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาล้างรถ

    3.เวลาล้างรถให้ล้างจากส่วนบนลงล่าง โดยใช้ผ้าที่นุ่มๆ และแบ่งผ้าที่ใช้ในการล้างออกเป็น 2 ผืน ด้วยกัน คือผ้าที่ใช้สำหรับล้างส่วนบนของตัวรถ คือ บริเวณหลังคารถ ฝากระโปรงหน้า ฝ่ากระโปรงหลัง และกระจกรถทุกบานผ้าที่ใช้สำหรับล้างส่วนล่างของตัวรถ คือ บริเวณรอบๆตัวรถที่อยู่ด้านล่างของขอบกระจกลงมาโดยการที่เราแยกผ้าที่ใช่สำหรับการล้างเป็นเพราะว่า บริเวณด้านบนของตัวรถจะมีฝุ่นติดน้อยกว่าบริเวณด้านล่างนั้นเอง

    4.ฉีดน้ำไล่แชมพูออกให้หมดหลังจากที่ทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างรถ

    5.เช็ดรถให้สะอาด แต่การเช็ดรถหลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเช็ดรถถูกหรือผิดวิธี วันนี้เราเลยจะมาแนะนำการเช็ดรถที่ถูกวิธีให้กับทุกคนกันด้วยค่ะ

    เช็ดรถให้ถูกวิธี

    ควรเช็ดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ ในการเช็ดรถ เพราะ ผ้าประเภทนี้จะไม่ทำให้เกิดรอย (แต่ถ้าพึ่งซื้อผ้าชามัวร์มา ให้นำผ้าไปจุ่มน้ำให้ชุ่มน้ำทั้งผืนก่อน เพราะผ้าชามัวร์จะถ้าไม่นำไปจุ่มน้ำมันจะแข็งและจะทำให้รถเป็นรอย)ต้องเริ่มเช็ดตั้งแต่บริเวณด้านบนก่อน เพื่อให้น้ำหยดลงมายังส่วนล่าง เช็ดจากบนลงล่างนั่นเองส่วนที่ควรเช็ดให้แห้งที่สุด คือ บริเวณด้านในขอบประตู ด้านในกระโปรงหลัง ด้านในฝาถังน้ำมัน กระจกด้านหน้า และบริเวณล้อแม็กซ์ สำหรับบริเวณล้อแม็กซ์ควรจะเช็ดให้สะอาดเพราะถ้าไม่เช็ดจะเป็นคราบแล้วพอทิ้งไว้นานๆก็จะกลายเป็นคราบที่ล้างไม่ออก

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับการล้างรถ

    • ไม่ควรล้างรถกลางแดด เพราะการล้างรถกลางแดดจะทำให้รถแห้งเร็วแล้วจะทำให้เกิดคราบที่เป็นรอยน้ำขึ้น
    • ไม่ควรล้างรถตอนเย็นด้วยตัวเอง เพราะการล้างรถตอนเย็นถ้าเราเช็ดไม่แห้งจะทำให้เกิดสนิมได้
    • ไม่ควรใช้ฟองน้ำในการล้างรถ เพราะบางทีในฟองน้ำอาจจะมีกรวดทรายฝังอยู่ในฟองน้ำถ้าหากล้างรถโดยถังใส่น้ำ ควรที่จะเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เพราะอาจมีสิ่งสกปรกที่ผสมอยู่ในน้ำ จนอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ นอกจากการล้างรถให้ถูกวิธีแล้ว วิธีที่จะทำให้สีรถดูเงาและสวยคือ การขัดเคลือบสี โดยการขัดและเคลือบสีนั้นจะทำแยกส่วนกัน โดยขั้นแรกเราต้องนำรถไปขัดสีก่อนจากนั้นคอยไปเคลือบสีอีกที

    การขัดสีคืออะไร

    การขัดสี คือ การขัดผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไปเพื่อให้สีเรียบเนียนจึงทำให้เกิดความเงางาม ซึ่งเป็นการขัดเพื่อลบรอยขนแมวออกไป (รอยขนแมวเกิดจากการที่เราล้างและเช็ดไม่สะอาด หรือไปโดนคราบยางไม้ ขี้แมลง จนทำให้เกิดรอย) โดยการที่เราขัดผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไปจะทำให้ชั้นสีที่เคลือบอยู่บางลง

    การเคลือบสีคืออะไร

    เคลือบสี เพื่อให้ผิวที่ถูกขัดออกไปมีความเงางามยิ่งขึ้นและการเคลือบสีจะช่วยปกป้องชั้นสีที่ถูก   ขัดออกไปให้มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วนมากยิ่งขึ้น และเมื่อเรานำรถไปขัดและเคลือบสีแล้ว เราจะต้องคอยนำรถไปเคลือบซ้ำตามระยะเวลาที่กำหนดมา เพื่อให้ผิวที่ขัดมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

    แต่ว่าเราไม่ควรนำรถไปจัดสีบ่อยในกรณีที่เป็นรถเก่าที่มีการใช้งานมาแล้วหลายปี แต่สำหรับใครที่พอจะมีงบประมาณในการดูแล เรามีเทคโนโลยี การเคลือบแก้ว (Glass coating) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วย ทำให้เกิดความเงางามยาวนานและชวยลดระยะเวลาในการที่จะต้องนำรถไปเข้าศูนย์บริการเคลือบ

    ข้อดีของการเคลือบแก้ว คือ ทำให้ผิวสีมีความแข็งแรงขึ้น ทนต่อรอยการขีดข่วน การเป็นรอยขนแมว และคราบสกปรกอื่นๆเกาะติดได้ยาก การทำความสะอาดง่ายขึ้นแต่มีราคาในการทำค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เป็นยังไงกันบ้างคะกับการดูแลรักษาสีรถยนต์ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหม? และเพียงเท่านี้สีรถของคุณก็จะดูเงางามเหมือนขับรถใหม่อยู่เสมอ

    วิธีการดูแลรักษาเบาะหนังรถยนต์


    วิธีการดูแลรักษาเบาะหนังรถยนต์
    วิธีการดูแลรักษาเบาะหนังรถยนต์

     

    วิธีการดูแลรักษาเบาะหนังรถยนต์

    เบาะหนังแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้

    1.เบาะหนังแท้
    2.เบาะหนังเทียม

    วีธีการดูแลรักษา

    1. วีธีการดูแลรักษาเบาะหนังแท้

    เริ่มแรกเลยคือ อย่าให้ถูกแสงแดดนานๆ เพราะจะทำให้หนังเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติอันเนื่องมาจากรังสี UV  พยายามอย่าโดนน้ำหรือความชื้นเพราะผ้าหนังแท้มีคุณสมบัติซึมน้ำได้พอสมควรและ ที่สำคัญเมื่อหนังเกิดความชื้นจะทำให้ตัวแบคทีเรียที่ฝังอยู่ข้างในออกมาเดินเพ่นพ่านจนทำให้เกิดกลิ่นอับ  อย่าเช็ดเบาะด้วยน้ำยาเคลือบเบาะบ่อยนักควรใช้เท่าที่จำเป็น เพราะว่าเมื่อเราเช็ดไปแล้วนั้นน้ำยาต่างๆ ที่เราใช้เช็ดจะเข้าไปฝั่งอยู่ภายในทำให้ผ้านุ่มดูเหมือนใหม่(ฟังแล้วดูดีจัง) แต่เมื่อใดที่สารดังกล่าวเสื่อมก็จะกลายเป็นสารที่มีความหนืดสูง ซึ่งจะทำให้ผ้าแข็งขึ้นทำให้ต้องทาซ้ำใหม่เพื่อให้กลับมานิ่มเหมือนเดิม 

    โดยจริงๆ แล้วนั้นบางบริษัทที่มีรถยนต์ระดับหรูหราและร้านเบาะรถยนต์เขาจะใช้ Vaseline ทาบางๆ จะทำให้ผ้าไม่กรอบง่ายแต่ต้องทาบ่อยๆ เพราะเขาจะติดอยู่แค่ผิวนอกอาจจะหลุดออกได้ง่ายหน่อย แต่ในเมื่อถ้าเราอยากจะใช้เบาะหนังแท้ให้สวยก็ต้องรักษากันหน่อยละกันครับ


    2. วีธีการดูแลรักษาเบาะหนังเทียม

    เบาะหนังประเภทนี้ก็เช่นกันข้อแรกเลยก็คือ อย่าให้โดนแดดบ่อยนักอันนี้เป็นเหมือนกันทุกอย่างโดยบ่อยๆ เสื่อมเร็วอย่างเช่นยางต่างๆ เสื่อมเร็วกว่าเมืองนอกตั้งเยอะนำเข้าก็แพง ภาษีโหดร้ายเลยต้องทนๆ เอาถ้าเบาะเลอะก็ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้สะอาด แล้วบิดพอหมาดเช็ดเหมือนกับที่เช็ดแผงประตูหรือแผงหน้าปัทนั้นแหละคุณสมบัติไม่ต่างกันเท่าใหร่สำหรับเบาะชนิดนี้ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำยามาเคลือบเงาอีกบางทีน้ำยาเคลือบเงาแพงกว่าค่าผ้าเสียอีก

    ปัดน้ำฝนเสียงดังเกิดจากอะไร

    ปัดน้ำฝนเสียงดังเกิดจากอะไร
    ปัดน้ำฝนเสียงดังเกิดจากอะไร

     ปัดน้ำฝนเสียงดังเกิดจากอะไร

    หากที่ปัดน้ำฝนมีเสียงดัง และปัดไม่สะอาดหมดจดเหมือนตอนแรกคงจะรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกันไม่ใช่น้อย ยิ่งในช่วงฤดูฝนแบบนี้ด้วยหากเกิดฝนตกระหว่างทางอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ วันนี้เรามาหาสาเหตุเสียงผิดปกติของที่ปัดน้ำฝน รวมไปถึงวิธีการตรวจเช็คและวิธีแก้ไขเบื้องต้นกันครับ

    ยางที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ

    หากใช้งานที่ปัดน้ำฝนแล้วมีเสียงเอี๊ยดอ๊าด ๆ เบื้องต้นให้สังเกตดูก่อนเลยว่า ยางปัดน้ำฝนของเพื่อน ๆ มีลักษณะแข็ง กรอบหรือไม่ มีรอยขรุขระที่ผิวสัมผัสหรือไม่ ถ้ามีอาการดังกล่าว เเสดงว่ายางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพแล้ว ควรรีบเปลี่ยนทันที และเช็คระยะการเปลี่ยนยางที่ปัดน้ำฝนด้วยว่า เปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ซึ่งปกติอายุการใช้งานยางปัดน้ำฝน อยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานจริง ทั้งนี้เมื่อเราเปลี่ยนยางที่ปัดน้ำฝนอันใหม่แล้ว อย่าลืมตรวจเช็คว่าใส่ยางอันใหม่เข้าไปเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เพราะว่าถ้าเราใส่ไม่ดีอาจจะทำให้เกิดเสียงดังได้เช่นกันครับ

    ที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ

    ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของที่ปัดน้ำฝนอาจจะเสื่อมสภาพและส่งผลให้เกิดเสียงดังขึ้นมาได้ เช่น ขดสปริงตรงก้านปัดน้ำฝน ถ้าหลวมเกินไป ก็จะทำให้ที่ปัดน้ำฝนสะบัดเวลาใช้งาน หรือถ้าแน่นจนเกินไปก็จะส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนแนบกับตัวกระจกจนทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาได้

    ความสกปรกที่หน้ากระจกรถ

    ความสกปรกที่เกิดขึ้นบนกระจกด้านหน้ารถ ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้เกิดเสียงดังเวลาใช้งานที่ปัดน้ำฝนได้เช่นกัน ทั้งคราบเขม่าไอเสีย เศษฝุ่นที่เกาะหน้ารถ รวมไปถึงคราบขี้นกต่าง ๆ ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาได้ วิธีการแก้ไขทำได้ง่าย ๆ คือ รักษาความสะอาดของกระจกอยู่เสมอ เพราะว่านอกจากคราบที่สกปรกต่าง ๆ จะทำให้เกิดเสียงดังแล้ว ยังส่งผลเสียต่อทัศนวิสัยในการขับขี่อีกด้วย

    ที่ปัดน้ำฝนมีความสำคัญมาก เวลาที่ขับรถแล้วเจอทั้งฝนตกหนัก หรือฝุ่นละอองมาก ๆ เพราะว่าที่ปัดน้ำฝนจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อเราสังเกตถึงเสียงดังที่เกิดขึ้นกับที่ปัดน้ำฝนแล้ว ควรตรวจสอบสาเหตุของเสียงที่เกิดขึ้น และรีบแก้ไขปัญหา รวมไปถึงการหมั่นตรวจสอบดูแลความสะอาดของที่ปัดน้ำฝนอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของที่ปัดน้ำฝนไปอีกนาน

    ที่มา e-toyotaclub.net

     
    Copyright © PEEICE. Designed by OddThemes